• JLR เตรียมงบ 1.5 หมื่นล้านปอนด์ เพื่อลงทุนต่อยอดความสำเร็จของอุตสาหกรรมโปรแกรมยานยนต์ ระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติ เทคโนโลยีดิจิทัลและระบบ AI และการพัฒนาทักษะของบุคลากร ภายในระยะเวลา 5 ปีข้างหน้า
• โรงงานของ JLR ในเมืองเฮลวู้ดในย่านเมอร์ซีย์ไซด์ สหราชอาณาจักร กำลังจะกลายเป็นโรงงานผลิตไฟฟ้าทั้งหมด
• “ศูนย์การผลิตเครื่องยนต์” (Engine Manufacturing Centre) ของ JLR ในเมืองวูล์ฟแฮมป์ตัน สหราชอาณาจักร กำลังจะได้รับการเปลี่ยนชื่อเป็น “ศูนย์การผลิตการขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้า” (Electric Propulsion Manufacturing Centre)
• JLR พร้อมตอกย้ำกลยุทธ์ Reimagine ด้วยแนวทางใหม่ในการเป็นศูนย์รวมแบรนด์ที่ยิ่งใหญ่หรือ House of Brands และมุ่งมั่นส่งต่อวิสัยทัศน์ที่มาพร้อมความหรูหราและความทันสมัย
• สถาปัตยกรรมและการออกแบบรถยนต์ SUV ขนาดกลางรุ่นต่อไปจะมุ่งเน้นการใช้ระบบไฟฟ้าเพียงอย่างเดียว
• รถยนต์ Range Rover รุ่นแรกที่ใช้พลังงานไฟฟ้าทั้งหมด จะเปิดให้จองภายในปลายปีนี้
• รถยนต์ Jaguar ไฟฟ้าที่หรูหราและล้ำสมัยหนึ่งในสามคันแรกได้รับการปรับปรุงใหม่ให้เป็นรถยนต์ GT 4 ประตู ซึ่งได้รับการพัฒนาขึ้นในเมืองโซลิฮัลล์ สหราชอาณาจักร
เกย์ดอน สหราชอาณาจักร วันพุธที่ 19 เมษายน 2566: JLR ได้ประกาศแผนการที่น่าตื่นเต้นเพื่อเร่งการเปลี่ยนแปลงสู่การเป็นผู้ผลิตรถยนต์ที่หรูหราและล้ำสมัยชั้นนำของโลก โดยจะเปลี่ยนโรงงานในเฮลวู้ด สหราชอาณาจักร ให้กลายเป็นโรงงานผลิตไฟฟ้าทั้งหมด เพื่อเป็นสื่อกลางแห่งอนาคตของสถาปัตยกรรมรถยนต์ SUV และสถาปัตยกรรมโมดูลาร์ไฟฟ้าแบบ EMA ที่จะทำงานด้วยระบบไฟฟ้าทั้งหมด
ในการเปิดเผยข้อมูลกับสื่อระดับโลกที่ศูนย์บัญชาการของ JLR ในเกย์ดอน นายเอเดรียน มาร์เดลล์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัท ยืนยันถึงความมุ่งมั่นของบริษัทในการใช้กลยุทธ์ Reimagine ซึ่งจะทำให้บริษัทเป็นผู้ผลิตรถยนต์ที่หรูหราและล้ำสมัยรายแรกที่ใช้พลังงานไฟฟ้าล้วนภายในปี 2573 ขณะที่ JLR ได้ก้าวไปสู่เป้าหมายทางการเงิน เพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ในการสร้างสถานะเงินสดสุทธิให้เป็นบวกภายในปีงบประมาณ 2560 และสร้างมูลค่าของ EBIT ให้เป็นเลขสองหลักได้ภายในปี 2569
“เมื่อ 2 ปีที่แล้ว เราได้เปิดตัวกลยุทธ์ Reimagine และตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เราก็มีความก้าวหน้าอย่างมาก รวมถึงการเปิดตัวรถยนต์ Range Rover และ Range Rover Sport รุ่นใหม่ที่หรูหราและล้ำสมัย 2 รุ่น ซึ่งรวมอยู่ในตระกูล Defender ซึ่งได้รับความต้องการสูงเป็นประวัติการณ์ เราบรรลุสิ่งนี้ในขณะที่กำลังเผชิญกับกระแสของการแพร่ระบาดและการขาดแคลนชิป และเรายังคงประสบความสำเร็จในการเพิ่มการผลิตรุ่นที่ทำกำไรได้มากที่สุดของเรา เพื่อสร้างผลกำไรในไตรมาสที่
3 วันนี้ ผมภูมิใจที่จะประกาศว่า เรากำลังเร่งสร้างแนวทางการผลิตพลังงานไฟฟ้า ทำให้หนึ่งในโรงงานในสหราชอาณาจักรของเราและสถาปัตยกรรมรถยนต์ SUV หรูขนาดกลางรุ่นต่อไปของเรามีการใช้พลังงานไฟฟ้าทั้งหมด การลงทุนครั้งนี้ช่วยให้เราสามารถพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าแห่งอนาคต ที่มาพร้อมความหรูหราและล้ำสมัย พร้อมทั้งพัฒนาทักษะใหม่ๆ และยืนยันความมุ่งมั่นของเราที่จะทำให้ปริมาณการปล่อยคาร์บอนเป็นศูนย์ภายในปี 2582”
นายเอเดรียน มาร์เดลล์
ซีอีโอของ JLR
JLR มีการประกาศโรดแมปในการขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้ารุ่นต่อไป โดยยืนยันว่าจะเริ่มเชิญลูกค้ามาสั่งจองรถยนต์ Range Rover ที่ใช้พลังงานไฟฟ้า หรูหรา และล้ำสมัยภายในช่วงปลายปีนี้ รถยนต์ SUV ขนาดกลางรุ่นใหม่รุ่นแรกนี้จะเป็นรุ่นที่ใช้ไฟฟ้าทั้งหมดที่มาจากตระกูล Range Rover ซึ่งจะเปิดตัวในปี 2568 และได้รับการพัฒนาขึ้นในเมืองเฮลวู้ดในย่านเมอร์ซีย์ไซด์ ถือเป็นการยืนยันความมุ่งมั่นของ JLR ที่มีต่ออนาคตของอุตสาหกรรมยานยนต์ในสหราชอาณาจักร
ในขณะที่สถาปัตยกรรมโมดูลาร์ไฟฟ้าแบบ EMA จะทำงานด้วยระบบไฟฟ้าเพียงอย่างเดียว เนื่องจากแนวโน้มของการใช้พลังงานไฟฟ้าในบางตลาดเพิ่มขึ้น JLR จะยังคงใช้สถาปัตยกรรมโมดูลาร์ไฟฟ้าแบบ MLA ที่ยืดหยุ่น ซึ่งรถยนต์ Range Rover และ Range Rover Sport จะได้รับการพัฒนาด้วยเครื่องยนต์แบบ ICE ไฮบริด และตัวเลือกรถยนต์ไฟฟ้าที่ใช้แบตเตอรี่แบบ BEV สิ่งนี้ทำให้ JLR มีความยืดหยุ่นอย่างไร้เงื่อนไขในการปรับสายการผลิตภัณฑ์ยานยนต์ให้ตรงกับความต้องการของตลาดทั่วโลก ซึ่งมีความคล่องตัวที่แตกต่างกัน ไปสู่เป้าหมายการปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์
ในขั้นตอนต่อไปของกลยุทธ์ Reimagine มีการเปิดเผยว่า JLR จะเปลี่ยนไปใช้แนวทาง House of Brands เพื่อขยายลักษณะเฉพาะของแต่ละแบรนด์ ทั้ง Range Rover, Defender, Discovery และ Jaguar พร้อมเร่งการเผยวิสัยทัศน์ของบริษัท เพื่อเป็นผู้สร้างความภาคภูมิใจของแบรนด์ยานยนต์ที่หรูหราและล้ำสมัย และเป็นที่ต้องการมากที่สุดในโลกสำหรับลูกค้าที่ฉลาดเลือก
ศาสตราจารย์เจอรี่ แม็คโกเวิร์น โอบีอี หัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายสร้างสรรค์ของ JLR แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับแนวทางของศูนย์รวมแบรนด์ที่ยิ่งใหญ่หรือ House of Brands ว่า
“หัวใจสำคัญของกลยุทธ์ Reimagine ของเราคือการก่อตั้งศูนย์รวมแบรนด์ที่ยิ่งใหญ่หรือ House of Brands ซึ่งเป็นวิวัฒนาการตามธรรมชาติ โดยมีจุดประสงค์เพื่อยกระดับและขยายความเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์สัญชาติอังกฤษที่มีลักษณะเฉพาะของเรา ความทะเยอทะยานสูงสุดของเราคือ การสร้างประสบการณ์ที่มีส่วนร่วมทางอารมณ์สำหรับลูกค้าของเราอย่างแท้จริง เมื่อเวลาผ่านไป สิ่งเหล่านี้จะช่วยสร้างความทัดเทียมขั้นสูงให้กับแบรนด์ และต่อยอดความยั่งยืนในระยะยาวให้กับ JLR”
ศาสตราจารย์เจอรี่ แม็คโกเวิร์น โอบีอ
หัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายสร้างสรรค์ของ JLR
JLR ยังประกาศเพิ่มเติมว่า รถยนต์ Jaguar สุดหรูสไตล์โมเดิร์นคันแรกจากทั้งหมด 3 คัน ที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ จะเป็นรถ GT 4 ประตูที่ได้รับการพัฒนาขึ้นในเมืองโซลิฮัลล์ในย่านเวสต์มิดแลนด์ สหราชอาณาจักร ด้วยพละกำลังที่มากกว่า Jaguar รุ่นก่อนๆ โดยวิ่งได้ไกลถึง 700 กม. (430 ไมล์) และมีราคาโดยประมาณอยู่ที่ 100,000 ปอนด์ Jaguar โฉมใหม่จะถูกสร้างขึ้นด้วยสถาปัตยกรรมที่เป็นเอกลักษณ์ในแบบเฉพาะตัวในชื่อ JEA รายละเอียดเพิ่มเติมของรถยนต์ GT Jaguar 4 ประตูโฉมใหม่จะเปิดตัวภายในปลายปีนี้ ก่อนจะออกจำหน่ายในตลาดที่ได้รับการคัดเลือกกลุ่มเป้าหมายในปี 2567 และส่งมอบถึงมือลูกค้าได้ภายในปี 2568
“เราได้เปลี่ยนภาพลักษณ์ของ Jaguar ให้เป็นแบรนด์รถยนต์ที่หรูหราและล้ำสมัยอย่างแท้จริง กุญแจสำคัญในการเปลี่ยนแปลงของ Jaguar คือการออกแบบที่สื่อให้เห็นถึงตัวตนที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ไร้การลอกเลียนแบบสิ่งใดๆ ทั้งสิ้น”
ศาสตราจารย์เจอรี่ แม็คโกเวิร์น โอบีอี
หัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายสร้างสรรค์ของ JLR
“Range Rover ซึ่งเป็นรถยนต์ SUV สุดหรูแบบดั้งเดิมที่ใช้พลังงานไฟฟ้าทั้งคัน กำลังเตรียมความพร้อมสำหรับการสั่งจองล่วงหน้าภายในปีนี้ และรถยนต์ Jaguar รุ่นแรกในสามรุ่นซึ่งขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าที่น่าทึ่งจะได้รับการเปิดตัวในปี 2568 เรากำลังก้าวไปสู่ยุคที่พลังงานไฟฟ้ามีความน่าตื่นเต้นมากยิ่งขึ้นสำหรับ JLR ในฐานะผู้นำธุรกิจยานยนต์ ที่ความหรูหรามาพร้อมความล้ำสมัย”
นายเอเดรียน มาร์เดลล์
ซีอีโอของ JLR
นอกจากข่าวที่ว่า โรงงานในเมืองเฮลวู้ดในย่านเมอร์ซีย์ไซด์ สหราชอาณาจักร กำลังจะกลายเป็นโรงงานผลิตที่ใช้พลังไฟฟ้าทั้งหมด พร้อมการพัฒนาสถาปัตยกรรมรถยนต์ SUV ขนาดกลางรุ่นต่อไป สถาปัตยกรรมไฟฟ้าแบบ EMA ก็จะได้รับการพัฒนาให้ทำงานด้วยระบบไฟฟ้าล้วนเช่นกัน JLR ยังเปิดเผยว่า “ศูนย์การผลิตเครื่องยนต์” (Engine Manufacturing Centre) ในเมืองวูล์ฟแฮมป์ตัน สหราชอาณาจักร ซึ่งปัจจุบันผลิตเครื่องยนต์สันดาปภายในแบบ Ingenium สำหรับยานยนต์ของบริษัท จะมีการผลิตชุดขับเคลื่อนไฟฟ้าและชุดแบตเตอรี่สำหรับยานยนต์รุ่นต่อไปของ JLR ในอนาคต โดยจะเปลี่ยนชื่อเป็น “ศูนย์การผลิตการขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้า” (Electric Propulsion Manufacturing Centre) เพื่อแสดงถึงการพัฒนาที่เหนือชั้นดังกล่าว
มีข่าวดีสำหรับอนาคตของผู้คนในย่านปราสาทบรอมวิชอันเก่าแก่ เมื่อ JLR ยืนยันว่าสิ่งอำนวยความสะดวกที่ใช้ในการเตรียมงานตัวถังโลหะสำหรับยานยนต์ของ JLR จะได้รับการขยับขยายให้มีบทบาทสำคัญในด้านระบบไฟฟ้าแห่งอนาคตของบริษัทมากขึ้น โดยจัดให้มีงานตัวถังสำหรับยานยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ในอนาคต และ JLR ยังคงมุ่งมั่นหาโอกาสในการพัฒนาย่านปราสาทบรอมวิชต่อไป
• รถยนต์ Range Rover ระบบไฟฟ้าล้วนพร้อมเปิดให้สั่งจองได้ภายในปีนี้
• เมืองเฮลวู้ดในย่านเมอร์ซีย์ไซด์จะกลายเป็นแหล่งโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้าล้วนแห่งแรกของ JLR ซึ่งถือเป็นการพัฒนาแห่งประวัติศาสตร์ในการก้าวไปสู่ยุคใหม่ของพลังงานไฟฟ้า
• รถยนต์ Jaguar โฉมใหม่สามรุ่นแรกจะเป็นรุ่น GT 4 ประตู ซึ่งวิ่งได้ไกลถึง 700 กม. (430 ไมล์) ด้วยราคาเริ่มต้นที่ 100,000 ปอนด์
• สถาปัตยกรรมของ Jaguar โฉมใหม่ในชื่อ JEA จะได้รับการเปิดตัวในปี 2568
• JLR จะยังคงไว้ซึ่งสถาปัตยกรรม MLA ที่ยืดหยุ่น ซึ่งสร้างจาก Range Rover และ Range Rover Sport โดยนำเสนอตัวเลือกของระบบในแบบ ICE, HYBRID และ BEV เพื่อรองรับความแตกต่างของตลาดโลก
• “ศูนย์การผลิตเครื่องยนต์” (Engine Manufacturing Centre) ในเมืองวูล์ฟแฮมป์ตัน กำลังจะได้รับการเปลี่ยนชื่อเป็น “ศูนย์การผลิตการขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้า” (Electric Propulsion Manufacturing Centre) ถือเป็นการยืนยันความสำเร็จในการสร้างชิ้นส่วนไฟฟ้าแห่งอนาคต
• กรรมการผู้จัดการด้านศูนย์รวมแบรนด์ที่ยิ่งใหญ่หรือ House of Brands ผู้ที่ขึ้นตรงต่อนายเลนนาร์ด ฮูร์นิค ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการพาณิชย์ ได้แก่:
◦ นายเจอรัลดีน อิงแฮม กรรมการผู้จัดการของ Range Rover
◦ นายมาร์ค คาเมรอน กรรมการผู้จัดการฝ่ายรถยนต์รุ่น Defender and Discovery
◦ นายรอว์ดอน โกลเวอร์ กรรมการผู้จัดการของ Jaguar
• กลยุทธ์ Reimagine ทำให้ JLR อยู่ในระดับแนวหน้าของอุตสาหกรรมยานยนต์ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว โดยบริษัทมุ่งมั่นพัฒนาการใช้พลังงานไฟฟ้า ระบบดิจิทัล และฐานข้อมูล อีกทั้งยังมุ่งเน้นการเพิ่มขีดความสามารถในด้านข้อมูลภายในองค์กร ซึ่งมีความสำคัญต่อการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล เพื่อมอบประสบการณ์ที่หรูหราและล้ำสมัยอย่างลงตัวให้กับลูกค้า
กลยุทธ์ Reimagine ของ JLR นำเสนอวิสัยทัศน์ที่เปี่ยมด้วยความยั่งยืนของความหรูหราที่มาพร้อมความล้ำสมัย ด้วยการออกแบบที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว
เรากำลังเปลี่ยนแปลงธุรกิจของเราให้มีปริมาณการปล่อยคาร์บอนเป็นศูนย์ในห่วงโซ่อุปทาน ผลิตภัณฑ์ และการดำเนินงานของเรา ให้สำเร็จภายในปี 2582 เราได้กำหนดแผนงานเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในการดำเนินงานและห่วงโซ่คุณค่าภายในปี 2573 ผ่านเป้าหมายทางวิทยาศาสตร์ที่ได้รับการอนุมัติ การใช้พลังงานไฟฟ้าคือหัวใจสำคัญของกลยุทธ์นี้ และก่อนสิ้นทศวรรษนี้ รถยนต์ตระกูล Range Rover, Discovery และ Defender ของเราแต่ละรุ่นจะได้รับการพัฒนาด้วยระบบไฟฟ้าล้วน เช่นเดียวกับรถยนต์ Jaguar ที่ทำงานด้วยระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าทั้งหมด
หัวใจสำคัญของทุกสิ่งคือเราเป็นบริษัทยานยนต์สัญชาติอังกฤษ โดยมีแหล่งการออกแบบและวิศวกรรม 2 แห่ง มีโรงงานผลิตรถยนต์ 3 แห่ง และยังมีศูนย์การผลิตเครื่องยนต์และศูนย์ประกอบแบตเตอรี่ในสหราชอาณาจักร นอกจากนี้ เรายังมีโรงงานผลิตรถยนต์ในจีน บราซิล อินเดีย ออสเตรีย และสโลวาเกีย รวมถึงศูนย์เทคโนโลยีอีก 7 แห่งทั่วโลก
JLR เป็นบริษัทในเครือของ Tata Motors Limited ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ Tata Sons.