- รุ่นดั้งเดิม: Range Rover เป็นรถยนต์ขับเคลื่อน 4 ล้อ สุดหรูแบบดั้งเดิม ครึ่งศตวรรษหลังจากการปรากฏตัวครั้งแรกในระดับโลก รถยนต์นี้ยังคงเป็นมาตรฐานสำหรับการออกแบบ การปรับแต่งอย่างประณีต และนวัตกรรมทางวิศวกรรม
- ตระกูลรถ SUV: ในตอนนี้ผ่านไป 50 ปีแล้วที่รถยนต์ขับเคลื่อน 4 ล้อ สุดหรูดั้งเดิมได้พัฒนาขึ้นเป็นตระกูลรถ SUV ซึ่งเป็นที่ต้องการมากที่สุดในโลก ได้แก่ Range Rover Evoque, Range Rover Velar และ Range Rover Sport
- รุ่นพิเศษ: Range Rover เฉลิมฉลองครึ่งศตวรรษของความเป็นเลิศด้านการออกแบบและวิศวกรรมด้วย Range Rover Fifty รุ่นพิเศษ
- รุ่นเฉลิมฉลอง: มีจำกัดเพียง 1,970 คันทั่วโลกเพื่อเป็นสัญลักษณ์ปีเกิด ค.ศ. 1970 ของรุ่นที่เป็นเอกลักษณ์โดดเด่นนี้ ตัวเลือกต่างๆ ประกอบด้วยสีอันเป็นมรดก 3 สีจาก Special Vehicle Operations ของแลนด์โรเวอร์
- วิวัฒนาการของ Range Rover: รับชมการวิวัฒนาการของ Range Rover ที่นี่
- Range Rover Fifty: ดูคอลเลกชันภาพสำหรับรุ่นพิเศษ ที่นี่
เมืองวิทลีย์ สหราชอาณาจักร วันที่ 17 มิถุนายน 2020 – ในวันนี้ Range Rover จะฉลอง 50 ปีของการบุกเบิกนวัตกรรม การปรับแต่งอย่างประณีตเหนือชั้น และความสามารถขับขี่ในทุกสภาพภูมิประเทศอย่างเหนือชั้นด้วยการเปิดตัว Range Rover Fifty ใหม่
รถ SUV หรูหรารุ่นดั้งเดิมได้กำหนดแนวทางของตลาดตั้งแต่วันที่ 17 มิถุนายน 1970 และห้าทศวรรษต่อมา Range Rover ได้พัฒนาจนกลายเป็นตระกูลรถหรูที่น่าจับจองและเพียบพร้อมด้วยสมรรถนะ การผสมผสานการออกแบบที่น่าดึงดูดใจ การปรับแต่งอย่างประณีต และนวัตกรรมด้านวิศวกรรม รับรองถึงบทบาทของ Range Rover ในการเป็นมาตรฐานสำหรับรถ SUV ที่หรูหราทุกคัน
ตลอดช่วงอายุ 50 ปี Range Rover เป็นยานยนต์รุ่นแรกของโลกในหลายๆ ด้าน และประสบความสำเร็จที่น่าประทับใจอีกมากมาย โดยเป็นรถ SUV รุ่นแรกที่มีระบบขับเคลื่อน 4 ล้อตลอดเวลาเมื่อเปิดตัว และในปี ค.ศ. 1989 ได้เป็นรถยนต์ขับเคลื่อน 4 ล้อคันแรกของโลกที่ติดตั้งระบบเบรกป้องกันล้อล็อก ABS ต่อมาในปี ค.ศ. 1992 ได้กลายเป็นรถยนต์ขับเคลื่อน 4 ล้อคันแรกของโลกที่ติดตั้งระบบควบคุมแรงยึดเกาะแบบอิเล็กทรอนิกส์ (ETC) และระบบกันสะเทือนอิเล็กทรอนิกส์แบบถุงลมอัตโนมัติ ซึ่งทำให้มั่นใจว่า Range Rover ที่ให้ความรู้สึกที่ประณีตขณะขับขี่เป็นที่รู้จักทั้งบนถนนและบนเส้นทางขรุขระ ในปี ค.ศ. 2012 Range Rover รุ่นล่าสุดได้กลายเป็นรถ SUV รุ่นแรกของโลกที่มีโครงสร้างน้ำหนักเบาเป็นอะลูมิเนียมทั้งคัน ทำให้รถเบากว่า แข็งแรงกว่า และมีประสิทธิภาพมากกว่า
Range Rover เคยวิ่งข้าม ‘ช่องโหว่ดาริเอน’ ที่ขึ้นชื่อว่าไม่มีใครสามารถเอาชนะได้ เป็นยานรถยนต์คันแรกที่ได้แสดงที่พิพิธภัณฑ์ลูฟร์ในปารีส และแม้แต่เคยคว้าชัยชนะแรลลี่ปารีส-ดาการ์ถึงสองครั้ง ไม่มียานยนต์คันใดที่ผสมผสานระดับความหรูหรา ความสะดวกสบาย และความมีรสนิยมเข้ากับความสามารถในการขับขี่บนเส้นทางขรุขระและสมรรถนะการขับขี่บนถนนได้เหมือน Range Rover
ฝากระโปรงทรงเปลือกหอย หลังคาแบบลอยที่สะดุดตา ประตูท้ายบานแยก และช่องระบายอากาศด้านหน้าที่เป็นเครื่องหมายการค้าเฉพาะ ทำให้ในวันนี้ Range Rover ยังคงมีกลิ่นอายของรุ่นดั้งเดิมย้อนกลับไปในปี ค.ศ. 1970 ในปีครบรอบปีที่ 50 นี้ Range Rover เป็นยานยนต์ที่ทรงประสิทธิภาพ มีความเชื่อมโยง หรูหรา และมีความสามารถมากที่สุด
เพื่อเป็นการเฉลิมฉลอง 50 ปี ของไอคอนด้านยนตรกรรม Range Rover Fifty รุ่น Limited-Run จะจำกัดจำนวนเพียง 1,970 คันทั่วโลก เพื่อรำลึกถึงปีที่เปิดตัว Range Roverรุ่นดั้งเดิม
Range Rover Fifty ได้รับการต่อยอดจาก Autobiography ที่หรูหราน่าดึงดูด โดยมีรูปลักษณ์ภายนอกที่พิเศษเฉพาะมากมายทั้งแบบ Auric Atlas และล้อขนาด 22 นิ้ว ที่ไม่ซ้ำใคร 2 ล้อ Prof Gerry McGovern OBE ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายครีเอทีฟของ Range Rover เป็นผู้สร้างสรรค์ตราอักษร ‘Fifty’ ขึ้นด้วยตัวเอง ซึ่งจะปรากฏอยู่ที่ภายนอกของรถยนต์และภายในบนแผ่นป้ายรำลึกครบรอบบนคอนโซลกลาง “1 of 1970” ที่ไม่ซ้ำกัน พนักพิงศีรษะ แผงหน้าปัด และแผ่นกันลื่นส่องสว่าง
Prof Gerry McGovern OBE ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายครีเอทีฟของ Range Rover กล่าวว่า “ในโลกของยานยนต์ที่หรูหรา Range Rover โดดเด่นไม่มีใครเทียบมาโดยตลอด ความละเอียดอ่อนที่ไม่ซ้ำใครและไม่เคยมีมาก่อนร่วมกับวิธีทางวิศวกรรมที่ไม่มีใครเทียบได้ คือมูลค่าที่แท้จริงซึ่งลูกค้าของเราชื่นชมมาตั้งแต่เปิดตัวรุ่นแรกสุดในปี ค.ศ. 1970”
Range Rover Fifty จะพร้อมวางจำหน่ายทั้งในแบบตัวถังที่มีฐานล้อมาตรฐานและฐานล้อยาว โดยที่ลูกค้าสามารถเลือกสีภายนอกซึ่งคัดมาแล้วอย่างดีได้จาก 4 สี ได้แก่ สีเทาคาร์เพเทียน สีแดงโรเซลโล สีเอรูบา และสีดำซานโตรินี Special Vehicle Operations ของแลนด์โรเวอร์ยังนำเสนอ Range Rover Fifty ที่มีรูปแบบสีภายนอกทึบโทนเฮอริเทจหนึ่งในสามสี ซึ่งสร้างใหม่จากเฉดสี Range Roverดั้งเดิม ได้แก่ สีน้ำเงินทัสคาน สีทองบาฮามา และสีขาวดาวอส โดยมีจำนวนจำกัดอย่างยิ่ง ระบบส่งกำลังมีให้เลือกหลากหลายรูปแบบ ทั้งเบนซิน ดีเซล และแม้แต่ระบบไฟฟ้าปลั๊กอินไฮบริดเวอร์ชัน P400e*
ในปัจจุบัน Range Rover รุ่นที่สี่ซึ่งมียอดขายตลอดช่วงอายุมากกว่าหนึ่งล้านคัน คือที่สุดของการแสดงออกถึงความหรูหรา การออกแบบที่มีรสนิยมเป็นเอกลักษณ์และความสามารถชั้นนำสำหรับการขับขี่ในทุกสภาพภูมิประเทศทำให้มั่นใจได้ว่า Range Rover ไม่มีใครเทียบได้และยังคงเป็นที่สนใจในปัจจุบันนี้เช่นเดียวกับในปี ค.ศ. 1970
ตระกูล RANGE ROVER
หลังจาก 3 ทศวรรษของจุดเริ่มต้นภาคธุรกิจรถ SUV หรู Range Rover ได้กลายเป็นตระกูลรถในปี ค.ศ. 2005 ด้วยการเปิดตัว Range Rover Sport ยานยนต์ที่ผสมผสานความหรูหราและความสามารถของ Range Rover ที่มีขนาดใหญ่ขึ้นด้วยคุณลักษณะแบบสปอร์ตและชวนให้ขับขี่ ในปี ค.ศ. 2010 มีการเปิดตัว Range Rover Evoque ขนาดกะทัดรัด ซึ่งมุ่งไปที่ฐานลูกค้าที่อายุน้อยกว่าและอยู่ในเมือง ในปี ค.ศ. 2017 ตระกูล Range Rover เติบโตขึ้นอีกครั้งด้วยการเปิดตัว Range Rover Velar เติมเต็มช่องว่างระหว่าง Range Rover Sport กับ Range Rover Evoque Range Rover Velar ตั้งชื่อตามต้นแบบของ Range Rover เป็นการเพิ่มเติมผลงานของ Range Rover ด้วยการออกแบบที่ไม่ซับซ้อนแต่โดดเด่นและภายในที่เต็มไปด้วยเทคโนโลยี
ภาพรวมประวัติ RANGE ROVER
วันนี้เป็นปีที่ 50 ตั้งแต่การเปิดตัวครั้งแรกของ Range Rover แต่เรื่องราวต่างๆ ยังคงย้อนไปนานกว่านี้ ในช่วงกลางทศวรรษที่ 1960 เพื่อเป็นการปฏิวัติตลาดรถเพื่อการพักผ่อนของรถยนต์ขับเคลื่อน 4 ล้อที่กำลังเติบโต Charles Spencer 'Spen' King (หลานของผู้ก่อตั้งแลนด์โรเวอร์) หัวหน้าฝ่ายวิศวกรรมของบริษัทสำหรับโครงการรถยนต์ใหม่ ได้จัดเตรียมแผนเพื่อผสมผสานความสบายเข้าและความสามารถบนถนนของ Rover Saloon เข้ากับความสามารถในการขับขี่บนเส้นทางขรุขระของแลนด์โรเวอร์
การพัฒนาต้นแบบ 100-inch Station Wagon คันแรกเริ่มขึ้นในช่วงปลายทศวรรษที่ 1960 และเปิดตัวรุ่นแรกกับสื่อต่างๆ ทั่วโลกโดยได้รับคำชมอย่างล้นหลามในปี ค.ศ. 1970 ยานยนต์นี้เป็นการผสมผสานระหว่างความสามารถในการขับขี่บนมอเตอร์เวย์ การขับขี่บนเส้นทางขรุขระ หรือแม้แต่การลากจูงอย่างมีสไตล์และสะดวกสบาย ทำให้ได้รับความนิยมในทันที รุ่น Classic ดั้งเดิมได้มีการระบุไว้ว่าเป็น 'ผลงานการออกแบบเชิงอุตสาหกรรมที่เป็นแบบอย่าง' เมื่อกลายเป็นยานยนต์คันแรกที่ได้แสดงที่พิพิธภัณฑ์ลูฟร์ที่โด่งดังของโลกในปารีสในปี ค.ศ. 1971
Range Rover ในยุคแรก (1970-1996) มีแบบ 2 ประตูเท่านั้นในขณะที่จำหน่ายในปี ค.ศ. 1970 ในระหว่างช่วงอายุ 26 ปี รุ่น Classic ยังคงพัฒนาต่อไปด้วยการเปิดตัวรุ่น 4 ประตูในปี ค.ศ. 1981 และกระปุกเกียร์แบบในปี ค.ศ. 1982 Range Rover ดีเซลคันแรกมาถึงในปี ค.ศ. 1986
ยุคที่สองของ Range Rover ที่รู้จักในชื่อ P38A มาถึงในปี ค.ศ. 1994 และเป็นที่จดจำได้ในทันทีด้วยเค้าโครงที่คุ้นเคย หลังคาแบบลอย ฝากระโปรงทรงเปลือกหอย ประตูท้ายบานแยกที่ใช้งานได้ดี และเส้นสายรอบตัวรถแบบต่อเนื่อง ทั้งหมดนี้ยังคงมีอยู่จนถึงทุกวันนี้ ยานยนต์เหล่านี้ยังแสดงให้เห็นภายในที่หรูหรายิ่งขึ้นโดยไม่ลดทอนความสามารถในการขับขี่ทั้งบนถนนและบนเส้นทางขรุขระ และยังมีระบบกันสะเทือนปรับความสูงได้ที่พัฒนาขึ้น รวมถึงรุ่นดีเซลขนาด 2.5 ลิตร และรุ่นเบนซิน V8 3.9 และ 4.6 ลิตร ที่มอบประสิทธิภาพมากยิ่งกว่าที่เคย
ยุคที่สามของ Range Rover (2001-2012) นำเสนอการปรับปรุงมากมายจากรุ่นก่อนหน้าทั้งหมดในระหว่างช่วงเวลา 11 ปี นวัตกรรมด้านวิศวกรรมต่างๆ ประกอบด้วยตัวถังแบบกิ่งชิ้นเดียวกันที่แข็งแรงยิ่งขึ้น (แทนที่กรอบบันไดรถยนต์ขับเคลื่อน 4 ล้อ แบบเดิม) และระบบกันสะเทือนที่เป็นอิสระเต็มรูปแบบพร้อมสปริงถุงลมที่เชื่อมต่อกัน (ในขณะนั้นรถยนต์ขับเคลื่อน 4 ล้อ เกือบทั้งหมดมีเพลาแบบแข็ง) ภายในของยานยนต์เหล่านี้ยังได้แรงบันดาลใจจากเรือยอร์ชระดับไฮเอนด์ เฟอร์นิเจอร์สุดประณีต และที่นั่งเครื่องบินเฟิร์สคลาส ช่วยให้มีพื้นที่และความหรูหรามากขึ้น
ยุคที่สี่ในปี ค.ศ. 2012 ได้มีการเปิดตัว Range Rover รุ่นล่าสุด ซึ่งเป็นรถ SUV คันแรกที่มีโครงสร้างอะลูมิเนียมน้ำหนักเบาทั้งหมด ช่วยลดน้ำหนักไปได้ 420 กก. เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า ประกอบด้วยนวัตกรรมใหม่สำหรับขับขี่บนเส้นทางขรุขระอย่าง Terrain Response™ 2 และระบบควบคุมความเร็วตามสภาพพื้นผิวถนน ยานยนต์นี้ยังพัฒนาเพื่อให้มีเครื่องยนต์ไฟฟ้า Ingenium ใหม่ที่มีประสิทธิภาพ รุ่นปลั๊กอินไฮบริด และเทคโนโลยีอินโฟเทนเมนท์และความปลอดภัยที่เปี่ยมด้วยนวัตกรรม
ในช่วงห้าปีที่ผ่านมา Range Rover SVAutobiography คือจุดสูงสุดของรุ่นต่างๆ ด้วยการเป็นยานยนต์ที่ทรงพลังและประณีตมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของ Range Rover ผลิตโดย Special Vehicle Operations ของแลนด์โรเวอร์ ลูกค้ายังสามารถเลือกจาก Range Rover SVAutobiography และ SVAutobiography Dynamic ซึ่งมีเครื่องยนต์ V8 ที่ทรงพลังและห้องโดยสารที่สร้างมาอย่างประณีต
*ขึ้นอยู่กับความพร้อมของตลาด