Mustica เข้าศึกษาต่อที่สถาบันวิจิตรศิลป์แห่งโรมหลังจากการฝึกฝนเบื้องต้นที่สถาบันศิลปะแห่งคาตาเนีย ในช่วงต้นทศวรรษ 1970 เขาใช้เวลาอยู่ในลอนดอนและโคเปนเฮเกน ก่อนที่จะย้ายไปนิวยอร์กในช่วงต้นทศวรรษ 1980 ในลอนดอน เขาพบว่าตัวเองดำดิ่งไปกับวัฒนธรรมเสรีที่ขับเคลื่อนด้วยการทดลอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับดนตรี รูปแบบศิลปะที่เขาเห็นว่ามีจิตวิญญาณมากที่สุดและสามารถส่งอิทธิพลต่อการแสดงออกประเภทอื่นๆ ได้
และดนตรีนั่นเองที่ทำให้เขาได้เดินทางตามเส้นทางจากรูปลักษณ์สู่นามธรรม ในปี ค.ศ. 1986 เขาตั้งรกรากในเมืองมิลานทางตอนเหนือของอิตาลี Mustica ได้สอนที่สถาบันวิจิตรศิลป์ชื่อดังในบรีราและเป็นติวเตอร์ในบูดาเปสต์ด้วยก่อนที่จะกลับไปมิลาน โดยที่ครั้งนี้ไปที่มหาวิทยาลัยเทคนิคที่มีชื่อเสียง (Politecnico)
จากนั้น Mustica ได้เลิกสอนหนังสือเพื่ออุทิศตนให้กับการวาดภาพ โดยมุ่งเน้นไปที่การสร้างสี ในปี ค.ศ. 1994 งานศิลปะของเขาก้าวหน้าไปอย่างมากเมื่อเขาเริ่มใช้ซอฟต์แวร์สร้างโมเดล 3 มิติ เพื่อทำให้ภาพวาดของเขาซับซ้อนยิ่งขึ้น เปลี่ยนสีและอารมณ์บนผืนผ้าใบให้เป็น ‘รูปทรงของสี’ กระบวนการนี้ยังคงไม่เหมือนใครและเป็นส่วนตัวอย่างแท้จริง Mustica นำภาพที่วาดแบบปกติของเขาภาพหนึ่งมาทำให้ซับซ้อนขึ้นอีกครั้งด้วยการใช้คอมพิวเตอร์ โดยสร้างออกมาเป็นรูปทรงภาพ 3 มิติ ในกระบวนการนี้ การเปลี่ยนผ่านจากอารมณ์ของสีไปเป็นรูปทรงถูกแสดงออกมาผ่านปริมาตรที่เป็นนามธรรม ผิวหนังที่แยกอวกาศถูกสร้างขึ้นจริงในจักรวาลไร้น้ำหนัก เป็นนามธรรมเหมือนสีและความคิด
รูปทรงที่ได้มาแปลความหมายเป็นมาตราส่วนใดก็ได้ แม้กระทั่งสำหรับสถาปัตยกรรม ผลงานของ Mustica เดินทางผ่านศิลปะต่างๆ เพราะดนตรีกลายเป็นภาวะนามธรรมสี แล้วกลายเป็นภาพวาด เป็นรูปทรงภาพ 3 มิติ และเป็นสถาปัตยกรรมในที่สุด แม้ว่าต้นกำเนิดจะอยู่ที่ซิซิลี แต่ก็มีความเป็นสากล Nino Mustica ได้รับการชื่นชมและมีจิตรกร ประติมากร และสถาปนิกทั่วโลกศึกษาผลงานของเขา