ความเป็นมาของ Range Rover

Range Rover เป็นหนึ่งในแบรนด์รถยนต์หรูชั้นนำของอังกฤษระดับโลก ที่ได้สร้างมาตรฐานความเป็นเลิศด้วยเอกลักษณ์เฉพาะตัวและการออกแบบอันโดดเด่นมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1970  

ถือกำเนิดขึ้นในยุคสมัยที่กำลังเปลี่ยนแปลง Range Rover ได้สร้างสรรค์รถยนต์ชนิดใหม่ที่สามารถขับขี่ไปได้ทุกหนแห่งและเข้ากับทุกสถานการณ์ได้อย่างลงตัว ไม่ว่าจะเป็นบนพรมแดงหรือในชนบท สมาชิกในตระกูล Range Rover ยังคงยกระดับมาตรฐานแห่งความหรูหราอย่างต่อเนื่อง  

Charles Spencer King ทราบดีว่าโลกกำลังเปลี่ยนแปลง รถยนต์ทดลองขับเคลื่อนด้วยเครื่องบินเจ็ตที่เขาทำงานในช่วงปี 1950 ไม่ได้เป็นคำตอบ แต่ 'Spen' เห็นแนวทางใหม่ในการเดินทาง  

Spen King ผู้สืบทอดสายเลือดแห่ง Land Rover จากลุงทั้งสองของเขา Maurice และ Spencer Wilks ได้สั่งสมประสบการณ์การขับขี่ออฟโรดที่น่าทึ่งมาอย่างยาวนาน  

การผจญภัยสุดหฤโหดนั้นไม่ใช่สำหรับทุกคน Spen เข้าใจดีถึงเรื่องนี้ เขาจึงสร้างสรรค์สิ่งที่ผู้คนต้องการมากขึ้นเรื่อยๆ นั่นคือ การผสมผสานความสามารถในการขับขี่บนทุกสภาพถนนเข้ากับสมรรถนะบนถนนและดีไซน์ที่ทันสมัย

Spen King ได้ตระหนักถึงไลฟ์สไตล์ที่เร่งรีบของผู้คนยุคใหม่ ซึ่งต้องแบ่งปันเวลาให้กับทั้งหน้าที่การงาน ครอบครัว และกิจกรรมนันทนาการ เขาจึงได้สร้างสรรค์ Range Rover ขึ้นในปี 1970 ซึ่งเป็นรถยนต์ที่ไม่เหมือนใครและตอบโจทย์ความต้องการของผู้คนกลุ่มนี้ได้อย่างลงตัว   

เส้นสายอันงดงามที่ Spen ร่างขึ้น และได้รับการพัฒนาโดย David Bache ได้ปฏิวัติวงการยานยนต์ นำพารถยนต์ก้าวข้ามผ่านยุคสมัย  

ด้วยดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์โดดเด่น ทำให้มันได้รับการยกย่องว่าเป็นสุดยอดผลงานชิ้นเอกของวงการอุตสาหกรรม จนได้รับเกียรติให้ไปจัดแสดง ณ พิพิธภัณฑ์ Louvre กรุงปารีส ซึ่งนับเป็นเกียรติประวัติที่ไม่เคยมีรถยนต์คันใดได้รับมาก่อน  

Range Rover ยืนหนึ่งด้วยดีไซน์ที่โดดเด่น บ่งบอกความเป็นตัวตนด้วยฝากระโปรงแบบคลามเชลล์ เส้นสายตัวถังที่ต่อเนื่อง และประตูท้ายแบบแบ่งส่วน พร้อมขุมพลัง V8 อันทรงประสิทธิภาพ ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อถาวร และดิสก์เบรกที่เหนือชั้น ทำให้ Range Rover เป็นสุดยอดรถยนต์ที่ไม่มีใครเทียบได้  

ภายในห้องโดยสารของเรนจ์ โรเวอร์นั้นเปี่ยมด้วยความทันสมัยและการออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์  โดยเฉพาะตำแหน่งการขับขี่แบบ Command ที่ให้ความรู้สึกเหนือชั้น และห้องโดยสารที่ออกแบบด้วยรูปทรงและวัสดุที่แตกต่างจากรถยนต์หรูแบบดั้งเดิมที่เน้นไม้และโครเมียม  

ตั้งแต่เริ่มต้น Range Rover ถูกออกแบบมาเพื่อการใช้งานที่สะดวกสบายด้วยมือเดียว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดประตูท้ายหรือเติมน้ำมัน ทุกการออกแบบล้วนพิถีพิถันอย่างยิ่ง ตัวอย่างเช่น การติดตั้งคันโยกทั้งสองข้างของเบาะนั่งด้านหน้า เพื่อให้ผู้ขับขี่สามารถปรับเบาะโดยสารด้านหน้าขึ้นได้อย่างง่ายดายเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้โดยสารตอนหลัง  

ความร่วมมือระหว่าง Range Rover กับวงการแฟชั่นเริ่มต้นขึ้นในปี 1981 ด้วย In Vogue รถยนต์หรูหราที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อการถ่ายแฟชั่นที่เมือง Biarritz และด้วยความโดดเด่นของสีตัวถังเมทัลลิก 'Vogue Blue' พร้อมเครื่องปรับอากาศ และตะกร้าปิกนิก ทำให้รถยนต์คันนี้ได้รับความนิยมอย่างมากจากผู้อ่านนิตยสาร จนกลายเป็น limited edition คันแรกของแบรนด์   

หลังจากนั้น มีรุ่น In Vogue อีกสองรุ่นที่ตามมา ก่อนที่ Vogue จะกลายเป็นรุ่นพื้นฐาน และยังมี Range Rover รุ่นพิเศษอีกหลายรุ่นที่ผลิตออกมาในจำนวนจำกัด โดยเฉพาะรุ่นที่ได้รับการออกแบบโดย Lord Linley ซึ่งเป็นรุ่นที่หายากเป็นพิเศษ ด้วยการตกแต่งภายในที่ทำมืออย่างประณีตและเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ Lord Linley ได้มีส่วนร่วมในการออกแบบ   

ราชวงศ์และผู้นำที่มีอิทธิพลทั่วโลกต่างให้การสนับสนุน Range Rover มาตั้งแต่แรกเริ่ม สร้างสายสัมพันธ์อันยาวนาน รถยนต์ Range Rover 'State Review' รุ่นไฮบริดที่ผลิตขึ้นในปี 2015 เพื่อถวายสมเด็จพระราชินี Elizabeth ที่ 2 เป็นเครื่องหมายถึงความเชื่อมโยงอันแนบแน่นระหว่างแบรนด์กับลูกค้าระดับสูง

ในฐานะผู้นำที่ไม่หยุดนิ่ง Range Rover ได้ขยายขอบเขตสู่รถยนต์สี่ประตูตามแบบฉบับของรุ่นแรก และด้วยความคิดสร้างสรรค์ของวิศวกร ยานยนต์คันนี้จึงกลายเป็นมาตรฐานใหม่ของอุตสาหกรรม   

เป็นรถยนต์ขับเคลื่อนสี่ล้อคันแรกของโลกที่ติดตั้งระบบป้องกันล้อล็อก ABS และเป็นคันแรกที่ติดตั้งระบบควบคุมการยึดเกาะและระบบช่วงล่างแบบอิเล็กทรอนิกส์ปรับระดับอัตโนมัติ ซึ่งเป็นการปฏิวัติวงการรถยนต์ในยุคนั้น  

ในปี 1994 Range Rover เจเนอเรชั่นที่สองได้สร้างมาตรฐานใหม่ด้วยพื้นที่ภายในที่กว้างขวางยิ่งขึ้น และระบบช่วงล่างอัจฉริยะที่มอบความนุ่มนวลในการขับขี่ทั้งบนถนนและนอกถนน นอกจากนี้ ยังได้นำเสนอบริการ 'Autobiography' ที่เปิดโอกาสให้ลูกค้าได้ออกแบบตกแต่งภายในรถได้ตามความต้องการด้วยวัสดุชั้นเลิศและงานฝีมือที่ประณีต ซึ่งนับเป็นจุดเริ่มต้นของบริการปรับแต่งรถยนต์สุดหรูอย่าง SV Bespoke ในปัจจุบัน  

ระบบ Terrain Response ที่เป็นเอกลักษณ์ของ Range Rover ได้ถือกำเนิดขึ้นในเจเนอเรชั่นที่สาม ซึ่งเริ่มต้นในปี 2001 โดยรวบรวมประสบการณ์ในการขับขี่บนทุกสภาพถนนมาเป็นเวลานานไว้ในระบบควบคุมที่ใช้งานง่าย ทำให้คุณรู้สึกเหมือนมีผู้เชี่ยวชาญด้านการขับขี่คอยช่วยเหลือให้คุณสัมผัสประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือชั้นของ Range Rover ได้อย่างเต็มที่  

Range Rover ไม่เพียงแต่โดดเด่นในด้านความแข็งแกร่งเท่านั้น แต่ยังก้าวข้ามขีดจำกัดในเรื่องความนุ่มนวลในการขับขี่บนถนนอีกด้วย จากที่เคยให้ความรู้สึกในการขับขี่ที่คุ้นเคย ปัจจุบัน Range Rover ได้ยกระดับมาตรฐานสู่การเป็นรถยนต์หรูที่มอบประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือชั้น

Range Rover เจเนอเรชั่นที่สี่ในปี 2012 ปฏิวัติวงการรถ SUV ด้วยการผสมผสานความแข็งแกร่งและความเบาอย่างลงตัว ด้วยโครงสร้างอะลูมิเนียมทั้งคันที่เป็นเอกลักษณ์ นอกจากนี้ ยังเป็นผู้นำในการนำเสนอระบบขับเคลื่อนไฮบริดไฟฟ้าที่ทรงพลัง ทำให้ Range Rover ก้าวล้ำนำสมัยในด้านเทคโนโลยีและความยั่งยืน  

Range Rover รุ่นใหม่ล่าสุดยังคงเป็นผู้นำด้วยความทันสมัยที่น่าทึ่งและสมรรถนะที่ไม่มีใครเทียบเคียง ทุกองค์ประกอบถูกออกแบบมาเพื่อความหรูหราเหนือระดับ ตั้งแต่ลำโพงตัดเสียงรบกวนรุ่นใหม่ในพนักพิงศีรษะที่ให้ประสบการณ์ฟังเพลงที่สมบูรณ์แบบ ไปจนถึงระบบพวงมาลัยขับเคลื่อนทุกล้อที่ทำให้การขับขี่คล่องตัวและง่ายดายยิ่งขึ้น   

Range Rover รุ่นพิเศษที่ผลิตจำนวนจำกัด คือเอกลักษณ์ที่โดดเด่นของแบรนด์เสมอมา สำหรับปี 2023 Range Rover SV Carmel Edition ได้ถูกสร้างสรรค์ขึ้นเพื่อลูกค้าคนพิเศษในสหรัฐอเมริกา โดยมาพร้อมกับตัวถังสีบรอนซ์ซาตินอันหรูหรา และภายในห้องโดยสารสุดหรูแบบ 4 ที่นั่ง SV Signature Suite ที่มาพร้อมกับโต๊ะพับไฟฟ้าและตู้เย็นในตัว เพื่อมอบประสบการณ์การเดินทางที่เหนือระดับ  

Range Rover รุ่นที่ห้าครองตำแหน่งผู้นำในตระกูล ด้วยดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวแต่ยังคงเชื่อมโยงกับรุ่นก่อนหน้าอย่างชัดเจน โดยมีการนำเอาเอกลักษณ์เด่นอย่างฝากระโปรงหน้าแบบคลามเชลล์และหลังคาลอยมาใช้ เพื่อสืบทอดตำนานแห่งดีไซน์ที่เริ่มต้นขึ้นในปี 1970